

Administrator
เขียนเมื่อวันที่ : 13 Aug 2025
" ฝังยาคุมกำเนิด" ลดโอกาสในการตั้งครรภ์
การฝังยาคุมกำเนิดคืออะไร?
การฝังยาคุมกำเนิดเป็นการใช้แท่งพลาสติกขนาดเล็กซึ่งบรรจุฮอร์โมนโปรเจสโตเจนนำไปฝังไว้ใต้ผิวหนังบริเวณท้องแขนด้านในของแขนข้างที่ไม่ถนัด โดยแพทย์จะเป็นผู้ทำหัตถการให้ แท่งยาจะค่อยๆ ปล่อยฮอร์โมนออกมาอย่างสม่ำเสมอเพื่อยับยั้งการตกไข่และทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกบางลง ส่งผลให้การตั้งครรภ์ไม่เกิดขึ้น
ข้อดีของการฝังยาคุมกำเนิด
ประสิทธิภาพสูง: มีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ได้มากกว่า 99% และสามารถคุมกำเนิดได้ยาวนานถึง 3-5 ปี ขึ้นอยู่กับชนิดของยา
ความสะดวก: ไม่ต้องกังวลเรื่องการลืมกินยาคุมรายวัน
สามารถหยุดใช้ได้ทันที: หากต้องการมีบุตร สามารถให้แพทย์นำแท่งยาออกได้เลย และภาวะเจริญพันธุ์จะกลับมาเป็นปกติในระยะเวลาอันสั้น
ลดอาการปวดประจำเดือน: ฮอร์โมนในยาอาจช่วยลดอาการปวดท้องประจำเดือนและความเข้มข้นของเลือดประจำเดือนได้
ข้อเสียและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
ประจำเดือนมาไม่ปกติ: ผู้ใช้บางรายอาจมีเลือดออกกะปริบกะปรอย หรือประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอในช่วง 6-12 เดือนแรกหลังจากฝังยา
อาการอื่นๆ: อาจพบอาการข้างเคียง เช่น ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ คลื่นไส้ น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น สิวขึ้น หรือมีอาการคัดตึงเต้านม แต่ส่วนใหญ่อาการเหล่านี้จะดีขึ้นเองเมื่อร่างกายปรับตัวได้
ความเสี่ยงจากการทำหัตถการ: อาจมีอาการบวม ช้ำ หรือรู้สึกเจ็บเล็กน้อยบริเวณที่ฝังยาในช่วง 2-3 วันแรก
ไม่ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์: การฝังยาคุมกำเนิดไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ จึงยังจำเป็นต้องใช้ถุงยางอนามัยควบคู่กันไป
ใครที่ควรใช้และไม่ควรใช้การฝังยาคุมกำเนิด?
ผู้ที่เหมาะสมกับการฝังยาคุม:
ผู้ที่ต้องการคุมกำเนิดในระยะยาว
ผู้ที่ชอบวิธีที่สะดวก ไม่ต้องจำวันกินยา
ผู้ที่ไม่สามารถใช้ยาคุมกำเนิดชนิดที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนได้
หญิงหลังคลอดที่ให้นมบุตร
ผู้ที่ไม่ควรฝังยาคุม:
ผู้ที่สงสัยว่าตนเองตั้งครรภ์
ผู้ที่มีประวัติเป็นมะเร็งเต้านม
ผู้ที่มีปัญหาโรคตับที่รุนแรง
ผู้ที่ทานยาบางชนิดที่มีผลกระทบต่อประสิทธิภาพของยาฝังคุมกำเนิด ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความเสี่ยง
การตัดสินใจเลือกวิธีคุมกำเนิดควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมกับสุขภาพและไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคล หากคุณสนใจการฝังยาคุมกำเนิด สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้จากแพทย์หรือสถานพยาบาลใกล้บ้านได้เลยค่ะ