

Administrator
เขียนเมื่อวันที่ : 21 Aug 2025
" อัลตราซาวด์ช่องท้อง " บอกโรคอะไรได้บ้าง?
อัลตร้าซาวด์ช่องท้อง (Abdominal ultrasound) เป็นการตรวจวินิจฉัยทางการแพทย์ที่ไม่ต้องผ่าตัดและไม่เจ็บปวด โดยใช้คลื่นเสียงความถี่สูงสร้างภาพของอวัยวะภายในช่องท้อง เช่น ตับ ถุงน้ำดี ม้าม ไต และตับอ่อน การตรวจวิธีนี้ช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัยโรคต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วัตถุประสงค์หลักของการตรวจ
ตรวจหาความผิดปกติของอวัยวะภายใน: เช่น ก้อนเนื้อ ซีสต์ หรือเนื้องอกในตับ ไต หรืออวัยวะอื่น ๆ
วินิจฉัยโรคเกี่ยวกับถุงน้ำดี: เช่น นิ่วในถุงน้ำดี หรือถุงน้ำดีอักเสบ
ประเมินขนาดและรูปร่างของอวัยวะ: เพื่อดูว่ามีอาการบวมโตหรือผิดปกติหรือไม่
ตรวจหาของเหลวในช่องท้อง: เช่น เลือด หรือหนอง ที่อาจบ่งบอกถึงการอักเสบหรือการบาดเจ็บ
ช่วยในการนำทางสำหรับขั้นตอนทางการแพทย์อื่น ๆ: เช่น การเจาะชิ้นเนื้อ (biopsy)
การเตรียมตัวก่อนการตรวจ
การเตรียมตัวจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเภทของอวัยวะที่ต้องการตรวจ แต่โดยทั่วไปแล้วอาจรวมถึง:
งดอาหารและเครื่องดื่ม: อาจต้องงดอาหารและเครื่องดื่มเป็นเวลา 6-8 ชั่วโมงก่อนการตรวจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากต้องตรวจถุงน้ำดี
ดื่มน้ำ: ในบางกรณีที่ต้องตรวจอวัยวะในอุ้งเชิงกราน อาจจำเป็นต้องดื่มน้ำเพื่อให้กระเพาะปัสสาวะเต็ม
งดสูบบุหรี่: ควรหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ก่อนการตรวจ เนื่องจากอาจทำให้ลำไส้มีแก๊สมากและบดบังภาพได้
ขั้นตอนการตรวจ
นอนบนเตียง: ผู้เข้ารับการตรวจจะถูกขอให้นอนหงายบนเตียง
ทาเจล: เจ้าหน้าที่จะทาเจลใสชนิดพิเศษลงบนผิวหนังบริเวณช่องท้อง เจลนี้ช่วยให้คลื่นเสียงเดินทางได้ดีขึ้น
วางหัวตรวจ: แพทย์จะใช้หัวตรวจ (transducer) กดและเคลื่อนไปมาบนผิวหนังบริเวณที่ต้องการตรวจ
แสดงภาพ: หัวตรวจจะส่งคลื่นเสียงและรับคลื่นที่สะท้อนกลับมาเพื่อสร้างเป็นภาพบนหน้าจอคอมพิวเตอร์
การตรวจโดยทั่วไปใช้เวลาประมาณ 15-30 นาที และผู้เข้ารับการตรวจสามารถกลับไปทำกิจกรรมตามปกติได้ทันทีหลังการตรวจ
ในการตรวจอัลตร้าซาวด์ช่องท้องสามารถตรวจได้หลากหลายอวัยวะ และช่วยวินิจฉัยโรคต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยทั่วไปจะแบ่งการตรวจออกเป็น 2 ส่วนหลัก คือ อัลตร้าซาวด์ช่องท้องส่วนบน (Upper Abdomen) และอัลตร้าซาวด์ช่องท้องส่วนล่าง (Lower Abdomen) ซึ่งหากตรวจทั้งสองส่วนจะเรียกว่า อัลตร้าซาวด์ช่องท้องทั้งหมด (Whole Abdomen)
อัลตร้าซาวด์ช่องท้องส่วนบน (Ultrasound Upper Abdomen)
เป็นการตรวจอวัยวะที่อยู่เหนือระดับสะดือขึ้นไป ได้แก่:
ตับ: ตรวจหาความผิดปกติ เช่น ไขมันพอกตับ, ตับแข็ง, เนื้องอก, ถุงน้ำ, หรือการอุดตันของท่อน้ำดี
ถุงน้ำดีและท่อน้ำดี: ตรวจหานิ่วในถุงน้ำดี, ถุงน้ำดีอักเสบ, หรือเนื้องอกในถุงน้ำดี
ม้าม: ตรวจขนาดและความผิดปกติของม้าม เช่น ม้ามโต
ตับอ่อน: ตรวจหาการอักเสบ, ถุงน้ำ, หรือเนื้องอก
ไต: ตรวจหาขนาด, รูปร่าง, นิ่วในไต, ซีสต์, หรือการอุดตันของทางเดินปัสสาวะ
หลอดเลือดแดงใหญ่ในช่องท้อง: ตรวจหาการโป่งพอง (Aortic Aneurysm)
อัลตร้าซาวด์ช่องท้องส่วนล่าง (Ultrasound Lower Abdomen)
เป็นการตรวจอวัยวะที่อยู่ต่ำกว่าระดับสะดือลงมา ได้แก่:
กระเพาะปัสสาวะ: ตรวจหานิ่ว, เนื้องอก, หรือความผิดปกติของผนังกระเพาะปัสสาวะ
มดลูกและรังไข่ (ในผู้หญิง): ตรวจหาเนื้องอกในมดลูก (เช่น เนื้องอกกล้ามเนื้อมดลูก), ซีสต์ที่รังไข่, ช็อกโกแลตซีสต์, หรือความผิดปกติของมดลูกและรังไข่
ต่อมลูกหมาก (ในผู้ชาย): ตรวจขนาดและความผิดปกติของต่อมลูกหมาก เช่น ต่อมลูกหมากโต หรือเนื้องอก
ไส้ติ่ง: ในบางกรณีอาจใช้ตรวจหาไส้ติ่งอักเสบได้
ข้อจำกัด
แม้ว่าอัลตร้าซาวด์ช่องท้องจะมีประโยชน์อย่างมาก แต่ก็มีข้อจำกัดบางประการ เช่น
ไม่สามารถใช้ตรวจอวัยวะที่มีแก๊สในปริมาณมากได้ เช่น กระเพาะอาหารและลำไส้ เนื่องจากแก๊สจะสะท้อนคลื่นเสียงกลับ ทำให้ภาพไม่ชัดเจน
ไม่สามารถตรวจอวัยวะที่ถูกกระดูกบดบังได้
การตรวจอัลตร้าซาวด์ช่องท้องจึงเป็นหนึ่งในวิธีการตรวจวินิจฉัยเบื้องต้นที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่มีอาการปวดท้องเรื้อรัง ท้องอืด หรือมีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารและขับถ่ายที่ผิดปกติ