

Administrator
เขียนเมื่อวันที่ : 15 Aug 2025
ใครบ้างที่ต้องตรวจ "ฮอร์โมน"
การตรวจฮอร์โมนเป็นการตรวจเลือดเพื่อวัดระดับฮอร์โมนต่างๆ ในร่างกาย ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการทำงานของระบบต่างๆ ทั้งด้านการเจริญเติบโต การเผาผลาญ ความรู้สึกทางเพศ และอารมณ์
ทำไมต้องตรวจฮอร์โมน?
การตรวจฮอร์โมนช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัยและค้นหาสาเหตุของปัญหาสุขภาพต่างๆ ได้ เช่น:
ภาวะฮอร์โมนไม่สมดุล: เมื่อมีอาการผิดปกติ เช่น อ่อนเพลียเรื้อรัง, นอนไม่หลับ, น้ำหนักขึ้นหรือลงผิดปกติ
การเข้าสู่วัยทอง (วัยหมดประจำเดือน): เพื่อประเมินระดับฮอร์โมนที่ลดลงและวางแผนการรักษาด้วยฮอร์โมนทดแทน
ปัญหาด้านการเจริญพันธุ์: ในผู้ที่มีปัญหาการมีบุตรยาก
ภาวะฮอร์โมนเพศชายต่ำ: ในผู้ชายที่มีอาการอ่อนเพลีย สมรรถภาพทางเพศลดลง หรืออารมณ์แปรปรวน
โรคเกี่ยวกับต่อมไร้ท่อ: เช่น โรคไทรอยด์ หรือโรคเบาหวาน
ฮอร์โมนที่นิยมตรวจ
ฮอร์โมนที่ตรวจจะแตกต่างกันไปตามเพศและปัญหาที่สงสัย:
ในผู้หญิง: มักจะตรวจฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับระบบสืบพันธุ์ เช่น
Estradiol (E2): ฮอร์โมนเอสโตรเจนหลักที่เกี่ยวข้องกับการตกไข่และรอบเดือน
Progesterone: ฮอร์โมนที่สำคัญต่อการตั้งครรภ์
FSH (Follicle-Stimulating Hormone) และ LH (Luteinizing Hormone): ฮอร์โมนจากต่อมใต้สมองที่ควบคุมการทำงานของรังไข่
ในผู้ชาย: มักจะตรวจฮอร์โมนที่สำคัญที่สุดคือ Testosterone (เทสโทสเตอโรน) เพื่อประเมินภาวะพร่องฮอร์โมน
นอกจากนี้ยังมีการตรวจฮอร์โมนอื่นๆ เช่น ฮอร์โมนไทรอยด์ (TSH, T3, T4), ฮอร์โมนความเครียด (Cortisol) และวิตามินดี ซึ่งมีผลต่อสมดุลฮอร์โมนโดยรวมของร่างกาย
การเตรียมตัวก่อนตรวจฮอร์โมน
การเตรียมตัวที่เหมาะสมจะช่วยให้ผลการตรวจแม่นยำยิ่งขึ้น:
แจ้งแพทย์: หากมีโรคประจำตัวหรือกำลังรับประทานยาที่เกี่ยวข้องกับฮอร์โมน เช่น ยาคุมกำเนิด ยาฮอร์โมนทดแทน หรือยาสเตียรอยด์
งดน้ำและอาหาร: บางการตรวจอาจต้องงดน้ำและอาหารอย่างน้อย 8-12 ชั่วโมงก่อนเจาะเลือด
ช่วงเวลาในการตรวจ: การตรวจฮอร์โมนบางชนิดต้องเจาะเลือดในเวลาที่กำหนด เช่น
ฮอร์โมนเพศชาย: ควรตรวจในช่วงเช้า (ประมาณ 07.00 - 11.00 น.) ซึ่งเป็นช่วงที่ระดับฮอร์โมนสูงที่สุด
ฮอร์โมนเพศหญิง: หากต้องการประเมินสมดุลฮอร์โมนในช่วงรอบเดือน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อกำหนดวันตรวจที่เหมาะสม เช่น วันที่ 3-5 หรือวันที่ 21 ของรอบเดือน
พักผ่อนให้เพียงพอ: การนอนหลับอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงจะช่วยให้ผลการตรวจมีความแม่นยำ
กลุ่มคนที่มีอาการผิดปกติ
หากมีอาการเหล่านี้เกิดขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาการตรวจฮอร์โมน:
ผู้หญิง:
ประจำเดือนมาไม่ปกติ หรือประจำเดือนขาดหายไป
มีอาการก่อนมีประจำเดือน (PMS) ที่รุนแรง
มีปัญหาในการตั้งครรภ์ หรือกำลังวางแผนจะมีบุตร
มีอาการวัยทอง เช่น ร้อนวูบวาบ เหงื่อออกตอนกลางคืน ช่องคลอดแห้ง
อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย
ผิวพรรณเปลี่ยนแปลง เช่น เป็นสิวเยอะผิดปกติ หรือผมร่วง
ผู้ชาย:
ความต้องการทางเพศและสมรรถภาพทางเพศลดลง
การแข็งตัวของอวัยวะเพศในช่วงเช้าลดลง หรือไม่แข็งตัว
มวลกล้ามเนื้อลดลง มีไขมันสะสมบริเวณหน้าท้องมากขึ้น
อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ไม่กระฉับกระเฉง แม้ว่าจะพักผ่อนเพียงพอแล้ว
อารมณ์แปรปรวน ขี้หงุดหงิด หรือมีภาวะซึมเศร้า
กลุ่มคนที่ต้องการตรวจเพื่อวางแผนสุขภาพ
ผู้ที่อายุ 25 ปีขึ้นไป: ระดับฮอร์โมนจะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงในช่วงวัยนี้ การตรวจจะช่วยให้เข้าใจสุขภาพของตัวเองและวางแผนการดูแลได้ดียิ่งขึ้น
ผู้ที่เข้าสู่วัย 40 ปีขึ้นไป: การตรวจฮอร์โมนก่อนเข้าสู่วัยทอง (ในผู้หญิง) หรือวัยทองในผู้ชาย (Andropause) จะช่วยให้วางแผนการดูแลสุขภาพและชะลอความเสื่อมของร่างกายได้อย่างเหมาะสม
ผู้ที่เตรียมตัวมีบุตร: คู่รักที่มีปัญหาเรื่องการมีบุตรยาก ควรตรวจฮอร์โมนเพื่อหาสาเหตุและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม ทั้งในฝ่ายหญิงและฝ่ายชาย
หากคุณอยู่ในกลุ่มดังกล่าวหรือมีอาการที่น่ากังวล ควรปรึกษาแพทย์ด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย, สูตินรีแพทย์ หรือแพทย์ทั่วไป เพื่อขอคำแนะนำและพิจารณาการตรวจฮอร์โมนที่เหมาะสมค่ะ