ใครบ้างที่ต้องตรวจ

Administrator

ใครบ้างที่ต้องตรวจ "ฮอร์โมน"


การตรวจฮอร์โมนเป็นการตรวจเลือดเพื่อวัดระดับฮอร์โมนต่างๆ ในร่างกาย ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการทำงานของระบบต่างๆ ทั้งด้านการเจริญเติบโต การเผาผลาญ ความรู้สึกทางเพศ และอารมณ์


ทำไมต้องตรวจฮอร์โมน?

การตรวจฮอร์โมนช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัยและค้นหาสาเหตุของปัญหาสุขภาพต่างๆ ได้ เช่น:

  • ภาวะฮอร์โมนไม่สมดุล: เมื่อมีอาการผิดปกติ เช่น อ่อนเพลียเรื้อรัง, นอนไม่หลับ, น้ำหนักขึ้นหรือลงผิดปกติ

  • การเข้าสู่วัยทอง (วัยหมดประจำเดือน): เพื่อประเมินระดับฮอร์โมนที่ลดลงและวางแผนการรักษาด้วยฮอร์โมนทดแทน

  • ปัญหาด้านการเจริญพันธุ์: ในผู้ที่มีปัญหาการมีบุตรยาก

  • ภาวะฮอร์โมนเพศชายต่ำ: ในผู้ชายที่มีอาการอ่อนเพลีย สมรรถภาพทางเพศลดลง หรืออารมณ์แปรปรวน

  • โรคเกี่ยวกับต่อมไร้ท่อ: เช่น โรคไทรอยด์ หรือโรคเบาหวาน

ฮอร์โมนที่นิยมตรวจ

ฮอร์โมนที่ตรวจจะแตกต่างกันไปตามเพศและปัญหาที่สงสัย:

  • ในผู้หญิง: มักจะตรวจฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับระบบสืบพันธุ์ เช่น

    • Estradiol (E2): ฮอร์โมนเอสโตรเจนหลักที่เกี่ยวข้องกับการตกไข่และรอบเดือน

    • Progesterone: ฮอร์โมนที่สำคัญต่อการตั้งครรภ์

    • FSH (Follicle-Stimulating Hormone) และ LH (Luteinizing Hormone): ฮอร์โมนจากต่อมใต้สมองที่ควบคุมการทำงานของรังไข่

  • ในผู้ชาย: มักจะตรวจฮอร์โมนที่สำคัญที่สุดคือ Testosterone (เทสโทสเตอโรน) เพื่อประเมินภาวะพร่องฮอร์โมน

นอกจากนี้ยังมีการตรวจฮอร์โมนอื่นๆ เช่น ฮอร์โมนไทรอยด์ (TSH, T3, T4), ฮอร์โมนความเครียด (Cortisol) และวิตามินดี ซึ่งมีผลต่อสมดุลฮอร์โมนโดยรวมของร่างกาย

การเตรียมตัวก่อนตรวจฮอร์โมน

การเตรียมตัวที่เหมาะสมจะช่วยให้ผลการตรวจแม่นยำยิ่งขึ้น:

  1. แจ้งแพทย์: หากมีโรคประจำตัวหรือกำลังรับประทานยาที่เกี่ยวข้องกับฮอร์โมน เช่น ยาคุมกำเนิด ยาฮอร์โมนทดแทน หรือยาสเตียรอยด์

  2. งดน้ำและอาหาร: บางการตรวจอาจต้องงดน้ำและอาหารอย่างน้อย 8-12 ชั่วโมงก่อนเจาะเลือด

  3. ช่วงเวลาในการตรวจ: การตรวจฮอร์โมนบางชนิดต้องเจาะเลือดในเวลาที่กำหนด เช่น

    • ฮอร์โมนเพศชาย: ควรตรวจในช่วงเช้า (ประมาณ 07.00 - 11.00 น.) ซึ่งเป็นช่วงที่ระดับฮอร์โมนสูงที่สุด

    • ฮอร์โมนเพศหญิง: หากต้องการประเมินสมดุลฮอร์โมนในช่วงรอบเดือน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อกำหนดวันตรวจที่เหมาะสม เช่น วันที่ 3-5 หรือวันที่ 21 ของรอบเดือน

  4. พักผ่อนให้เพียงพอ: การนอนหลับอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงจะช่วยให้ผลการตรวจมีความแม่นยำ


กลุ่มคนที่มีอาการผิดปกติ

หากมีอาการเหล่านี้เกิดขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาการตรวจฮอร์โมน:

  • ผู้หญิง:

    • ประจำเดือนมาไม่ปกติ หรือประจำเดือนขาดหายไป

    • มีอาการก่อนมีประจำเดือน (PMS) ที่รุนแรง

    • มีปัญหาในการตั้งครรภ์ หรือกำลังวางแผนจะมีบุตร

    • มีอาการวัยทอง เช่น ร้อนวูบวาบ เหงื่อออกตอนกลางคืน ช่องคลอดแห้ง

    • อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย

    • ผิวพรรณเปลี่ยนแปลง เช่น เป็นสิวเยอะผิดปกติ หรือผมร่วง

  • ผู้ชาย:

    • ความต้องการทางเพศและสมรรถภาพทางเพศลดลง

    • การแข็งตัวของอวัยวะเพศในช่วงเช้าลดลง หรือไม่แข็งตัว

    • มวลกล้ามเนื้อลดลง มีไขมันสะสมบริเวณหน้าท้องมากขึ้น

    • อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ไม่กระฉับกระเฉง แม้ว่าจะพักผ่อนเพียงพอแล้ว

    • อารมณ์แปรปรวน ขี้หงุดหงิด หรือมีภาวะซึมเศร้า

กลุ่มคนที่ต้องการตรวจเพื่อวางแผนสุขภาพ

  • ผู้ที่อายุ 25 ปีขึ้นไป: ระดับฮอร์โมนจะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงในช่วงวัยนี้ การตรวจจะช่วยให้เข้าใจสุขภาพของตัวเองและวางแผนการดูแลได้ดียิ่งขึ้น

  • ผู้ที่เข้าสู่วัย 40 ปีขึ้นไป: การตรวจฮอร์โมนก่อนเข้าสู่วัยทอง (ในผู้หญิง) หรือวัยทองในผู้ชาย (Andropause) จะช่วยให้วางแผนการดูแลสุขภาพและชะลอความเสื่อมของร่างกายได้อย่างเหมาะสม

  • ผู้ที่เตรียมตัวมีบุตร: คู่รักที่มีปัญหาเรื่องการมีบุตรยาก ควรตรวจฮอร์โมนเพื่อหาสาเหตุและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม ทั้งในฝ่ายหญิงและฝ่ายชาย


หากคุณอยู่ในกลุ่มดังกล่าวหรือมีอาการที่น่ากังวล ควรปรึกษาแพทย์ด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย, สูตินรีแพทย์ หรือแพทย์ทั่วไป เพื่อขอคำแนะนำและพิจารณาการตรวจฮอร์โมนที่เหมาะสมค่ะ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง